บทที่ 4
การกระทำครบองค์ประกอบความผิด
ความผิดอาญาแต่ละฐานความผิดล้วนต้องมีองค์ประกอบความผิดเสมอ
ถ้าไม่ครบองค์ประกอบข้อใดข้อหนึ่งในความผิดฐานนั้นแล้ว ย่อมไม่เป็นความผิดอาญา
โดยที่องค์ประกอบความผิดแต่ละฐานนั้น ต้องแยกพิจารณา 2
ส่วน คือ ส่วนที่อยู่ภายนอกเรียกว่า “องค์ประกอบภายนอก” และส่วนที่อยู่ภายในจิตใจของผู้กระทำ
เรียกว่า “องค์ประกอบภายใน”[1]
องค์ประกอบภายนอก องค์ประกอบที่อยู่ภายนอกของความผิดแต่ละฐาน
สามารถพิจารณาและเห็นได้จากภายนอก โดยความผิดแต่ละฐานจะมีองค์ประกอบภายนอก คือ
ผู้กระทำความผิด การกระทำความผิด และวัตถุแห่งการกระทำความผิด ซึ่งจะอธิบายต่อไป
องค์ประกอบภายใน หมายถึง องค์ประกอบที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก
เพราะเป็นส่วนที่อยู่ในจิตใจของผู้กระทำ ซึ่งเราจะพิจารณาส่วนที่ อยู่ในจิตใจนี้ได้จากการกระทำ
โดยหลักการที่ว่า "กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" องค์ประกอบภายในได้แก่ เจตนาและประมาท
1. องค์ประกอบภายนอก
1)
ผู้กระทำ
2)
การกระทำ
3)
วัตถุแห่งการกระทำ
ตัวอย่างที่
1
ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามมาตรา 288 "ผู้ใดฆ่าผู้อื่นต้องระวางโทษประหารชีวิต
จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี“
องค์ประกอบภายนอกความผิดฐานนี้คือ
1) ผู้กระทำ คือ ผู้ใด 2) การกระทำ คือ ฆ่า และ3) วัตถุแห่งการกระทำ
คือ ผู้อื่น
ตัวอย่างที่ 2 ความผิดฐานลักทรัพย์
ตามมาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น
หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสามปีและปรับไม่เกินหกพันบาท
1) ผู้กระทำ คือ ผู้ใด 2) การกระทำ คือ เอาไป และ3) วัตถุแห่งการกระทำ
คือ ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่น เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
ตัวอย่างที่ 3 ความผิดฐานทำให้แท้งลูก
ตามมาตรา 301 หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
1) ผู้กระทำ คือ หญิงใด 2) การกระทำ คือ
ทำให้แท้งลูกหรือยินยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก และ 3) วัตถุแห่งการกระทำ
คือ ชีวิตในครรภ์
จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบภายนอกทั้ง
3 องค์ประกอบคือ
ผู้กระทำ การกระทำวัตถุแห่งการกระทำ นั้นสามารถพิจารณาได้จากบทบัญญัติ ของมาตรานั้น
ๆ ว่าบัญญัติไว้อย่างไร ซึ่งถ้าหากพิจารณาแล้ว ครบองค์ประกอบทั้ง 3 องค์ประกอบแสดงว่า การกระทำนั้น ครบองค์ประกอบภายนอก และค่อยจึงค่อยพิจารณาองค์ประกอบภายในต่อไป
1. ผู้กระทำ
ความรับผิดในทางอาญาเกิดขึ้นได้แก่บุคคลเท่านั้น
สัตว์และสิ่งของ ย่อมไม่อาจ เป็นผู้กระทำผิดได้
บุคคลที่เป็นมนุษย์และนิติบุคคลก็สามารถกระทำผิดได้ ความผิดอาญาส่วนใหญ่
ไม่ได้จำกัดผู้กระทำผิดว่าหมายถึงใคร มักจะใช้คำว่า “ผู้ใด” Whoever เว้นแต่ความผิดบางฐาน เช่น
ความผิดฐานทำให้แท้งลูกผู้กระทำต้องเป็นหญิงเท่านั้น
ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบผู้กระทำต้องเป็นเจ้าพนักงานเท่านั้น
ผู้กระทำความผิดอาญา
แยกออกเป็น 3 ประเภท[2]
1.
ผู้กระทำผิดเอง
2. ผู้กระทำผิดโดยอ้อม
3.
ผู้ร่วมในการกระทำความผิด (Parties to Crime)
1.1
ผู้กระทำผิดเอง
หมายถึงผู้นั้นได้กระทำผิดเองโดยตรง (Direct) เช่น ใช้มีดฟัน ใช้ปืนยิงเอง
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปเอง หรือการใช้สัตว์เป็นเครื่องมือในการกระทำผิด เช่น ใช้สุนัขที่เลี้ยงไว้ไปคาบ
เอากระเป๋าเงินของคนอื่น
หรือการใช้บุคคลผู้ไม่มีการกระทำเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด[3] เช่น
สะกดจิตใช้ให้ไปฆ่าคน หรือขณะที่ขาวเผลอ แดงจับมือขาวเขกหัวดำ
เป็นเนื้อหาบางส่วนที่นำมาจากหนังสือคำอธิบายกฎหมายอาญาภาคทั่วไป หากต้องการอ่านทั้งหมดสามารถซื้อได้ตามลิ้งด้านล่างครับ
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น