บทที่ 11
การพยายามกระทำความผิด
โดยหลักแล้วกฎหมายอาญาจะไม่ลงโทษกับผู้ที่คิดและตกลงใจในการกระทำความผิด แต่กฎหมายจะลงโทษกับการกระทำที่แสดงออกมาภายนอกแล้วเท่านั้น เพราะเป็นการยากที่จะทราบถึงความคิดภายในจิตใจของบุคคล แม้ผู้ที่คิดและตกลงใจในการกระทำความผิดจะได้แสดงเจตนาออกมาโดยการตระเตรียมที่จะกระทำความผิดตามที่ได้คิดไว้และตกลงใจ โดยหลักแล้วกฎหมายก็ยังไม่ลงโทษ เพราะการตระเตรียมกระทำความผิดนั้นยังไม่เป็นการแสดงออกที่น่าเชื่อถือได้อย่างเพียงพอถึงจิตใจที่เป็นอาชญากรอย่างแน่นอน แต่ก็ยกเว้นสำหรับความผิดบางฐานเท่านั้นที่กฎหมายลงโทษการตระเตรียมกระทำความผิด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและจะสงผลเสียหายต่อความปลอดภัยของคนในสังคม เช่น ความผิดฐานตระเตรียมวางเพลิงเผาทรัพย์ ตาม ม. 219[1] แต่หากเป็นการพยายามกระทำความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ผู้กระทำความผิดได้แสดงการกระทำออกมาภายนอก Overt Act) ให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงเจตนาที่อยู่ภายในจิตใจ เป็นการกระทำที่เลยขั้นตระเตรียมการกระทำความผิด จนถึงขั้นลงมือกระทำความผิดแล้ว และการลงมือกระทำความผิดนี้เอง เป็นตัวแบ่งแยกการพยายามกระทำความผิดกับการตระเตรียมการกระทำความผิดออกจากกัน การลงมือกระทำความผิดเป็นการแสดงออกถึงเจตนาของผู้กระทำว่ามีเจตนาร้ายต่อสิ่งที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะคุ้มครอง เช่น ชีวิต ร่างกาย ทรัพย์ หรือเสรีภาพ ฯลฯ
การพยายามกระทำความผิดนั้นหากพิจารณาถึงเจตนาผู้กระทำความผิดแล้วจะเห็นว่าเจตนาของเขานั้นเป็นเช่นเดียวกับความผิดสำเร็จและได้แสดงเจตนานั้นออกมาแล้ว
เช่น ความผิดฐานพยายามฆ่า
เจตนาในการกระทำความผิดนั้นเป็นเช่นเดียวกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
และได้กระทำการฆ่าออกมาแล้ว เพียงแต่บังเอิญผู้ถูกฆ่านั้นไม่ตายเท่านั้นเอง
ผลของการกระทำนั้นเป็นตัวกำหนดว่าผู้กระทำจะต้องรับผิดในฐานพยายามกระทำความผิดหรือความผิดสำเร็จ
ดังนั้นในความผิดที่ไม่ต้องการผล จึงไม่มีความผิดฐานพยายามกระทำความผิด[2]
1. แนวความคิดเกี่ยวกับการพยายามกระทำความผิด
แนวความคิดเกี่ยวกับการพยายามกระทำความผิดนั้น แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ดังต่อไปนี้
ฝ่ายอัตตะวิสัย (Subjective) พิจารณาถึงจิตใจของผู้กระทำเป็นสำคัญ เมื่อผู้กระทำความผิด
ได้แสดงเจตนาออกมาแล้วโดยการลงมือกระทำความผิด
ดังนั้นเขาควรจะต้องรับโทษเช่นเดียวกับความผิดสำเร็จ[3]
ฝ่ายภาวะวิสัย (Objective) พิจารณาถึงความเสียหายที่เกิดจากการกระทำเป็นสำคัญ
หากผลที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นยังไม่เกิด ผู้กระทำก็จะมีความผิดเพียงแค่พยายามกระทำความผิดเท่านั้น
ไม่อาจลงโทษเท่ากับการกระทำที่เกิดผลตามกฎหมายได้ เช่น ฆ่าคนแต่ไม่ตาย
ความตายคือผลที่กฎหมายกำหนดให้มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
ดังนั้นเมื่อผู้ถูกฆ่าไม่ตาย
ผู้กระทำก็มีความผิดเพียงแค่พยายามกระทำความผิดเท่านั้น
สำหรับประเทศไทย
ยึดถือแนวคิดในเกี่ยวกับการพยายามกระทำความผิดตามแนวคิดใดนั้น
พิจารณาได้จากบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 วรรคแรก[4] จะเห็นได้ว่า
การพยายามกระทำความผิดเป็นการกระทำที่ผู้กระทำมีเจตนากระทำความผิดและได้กระทำโดยการลงมือกระทำความผิดแล้ว
แต่กระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผล
แสดงว่าการพยายามกระทำความผิดตามกฎหมายอาญาไทยนั้น ใช้แนวคิดของฝ่ายอัตตะวิสัย (Subjective) เพราะเจตนากระทำความผิดและได้แสดงเจตนานั้นผ่านการลงมือกระทำความผิด
ผลจะเกิดหรือไม่ ก็มีความผิดแล้ว แต่บทบัญญัติของมาตรา 80 วรรค 2
ก็บัญญัติไว้ให้การพยายามกระทำความผิดระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมาย
แสดงให้เห็นว่าโทษที่จะลงกับผู้พยายามกระทำความผิดไม่เท่ากับความผิดสำเร็จ (ทั้ง ๆ
ที่เจตนาเท่ากัน) ซึ่งเป็นแนวความคิดของฝ่ายภาวะวิสัย (Objective) ซึ่งโทษที่จะลงพิจารณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นสำคัญ
ข้อสังเกต : การพยายามกระทำความผิดนั้นหากมองจากแนวคิดของฝ่ายอัตตะวิสัย (Subjective) เจตนากระทำความผิดเป็นอย่างเดียวกันกับความผิดสำเร็จ
การที่ความผิดจะสำเร็จหรือไม่
เป็นเรื่องที่อยู่นอกการควบคุมของผู้กระทำหรือเป็นเหตุบังเอิญเท่านั้น เช่น
นายแดงเจตนาฆ่านายดำ จึงเอาปืนยิงนายดำ แต่ยิงไม่ถูก นายดำจึงไม่ตาย
จะเห็นว่าการที่นายดำจะตายหรือไม่ตาย เจตนาของนายแดงไม่ได้แตกต่างกันเลย
กล่าวคือชั่วเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อเจตนาชั่วเหมือนกัน
โทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดควรจะต้องเหมือนกันกับความผิดสำเร็จ
แต่หากมองจากฝ่ายภาวะวิสัย (Objective) ความเสียหายของการกระทำนั้นไม่เท่ากัน
หากความเสียหายคือความตาย ผู้กระทำควรจะต้องถูกลงโทษหนัก
แต่หากไม่ถึงตายผู้กระทำก็ต้องรับโทษเบากว่ากรณีที่ถึงตาย
2. เหตุผลในการลงโทษการพยายามกระทำความผิด
การพยายามกระทำความผิดนั้นเป็นการกระทำที่แสดงออกถึงเจตนาที่ชั่วร้าย
เพียงแต่ผลของการกระทำยังไม่เกิดขึ้นและสิ่งที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะคุ้มครองยังไม่ถูกกระทบกระเทือน[5] เช่น มาตรา 288 ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
สิ่งที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะคุ้มครองคือชีวิตมนุษย์ การพยายามกระความผิดเป็นการกระทำที่ยังไม่กระทบกระเทือนถึงชีวิต(ไม่ตาย)
แม้การเป็นกรณีของการพยายามกระทำความผิดที่ได้กระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล
ซึ่งหากพิจารณาในแง่ของเจตนาแล้ว ไม่ว่าผู้ถูกยิงจะตายหรือไม่ตาย
เจตนาของผู้ที่ยิงก็เจตนาเดียวกัน ดังนั้นกฎหมายไม่ควรจะลงโทษการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแต่เพียงอย่างเดียว
การกระทำที่ได้แสดงออกถึงเจตนาจนถึงขึ้นลงมือกระทำความผิดแล้วก็สมควรที่จะได้รับการลงโทษเช่นเดียวกัน
เพื่อเป็นการลงโทษบุคคลที่มีเจตนาและลงมือกระทำความผิดต่อผู้อื่น
และการลงมือกระทำความผิดก็เป็นการกระทำที่มีความเป็นไปได้สูงของการจะเกิดผลเสียหายต่อสิ่งที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะคุ้มครอง[6] และในขณะเดียวกันก็เป็นการยับยั้งไม่ให้ผู้กระทำความผิดได้กระทำความผิดจนสำเร็จ
(พยายามกระทำความผิดมีโทษน้อยกว่าความผิดสำเร็จ
โทษที่ต่างกันมีผลต่อการยังยั้งไม่กระทำความผิดให้สำเร็จ กล่าวคือ การถูกลงโทษฐานพยายามกระทำความผิดเป็นผลดีต่อผู้กระทำมากกว่า)
3. หลักเกณฑ์ของการพยายามกระทำความผิด
การพยายามกระทำผิดนั้นเป็นการกระทำที่ผู้กระทำความผิดมีเจตนากระทำความผิด
และได้แสดงออกเจตนานั้นโดยการกระทำที่ถึงขั้นลงมือกระทำความผิด แต่ว่าผู้กระทำกระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ได้กำหนดไว้
โดยประกอบไปด้วยหลักเกณฑ์ 3 ประการ[7]
อ่านต่อคลิ๊กซื้อหนังสือได้เลยครับ
[2]
ความผิดที่ไม่ต้องการผล หมายถึง
ความผิดที่เพียงกระทำหรือละเว้นก็เป็นความผิดแล้ว
ส่วนผลจะเกิดหรือไม่ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญในการลงโทษ เช่น ความผิดฐานเบิกความเท็จ ตาม
ม.177 เมื่อเบิกความเท็จแล้วก็มีความผิดทันที, ความผิดฐานไม่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภยันตราย
เมื่อไม่ช่วยแล้วก็มีความผิดทันที ผู้นั้นจะตายหรือไม่ ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ (คณิต
ณ. นคร, กฎหมายอาญาภาคทั่วไป พิมพ์ครั้งที่ 2. น. 123.)
[4]
มาตรา 80
ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด
หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายาม กระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองใน
สามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
เป็นเนื้อหาบางส่วนที่นำมาจากหนังสือคำอธิบายกฎหมายอาญาภาคทั่วไป หากต้องการอ่านทั้งหมดสามารถซื้อได้ตามลิ้งด้านล่างครับ
เป็นเนื้อหาบางส่วนที่นำมาจากหนังสือคำอธิบายกฎหมายอาญาภาคทั่วไป หากต้องการอ่านทั้งหมดสามารถซื้อได้ตามลิ้งด้านล่างครับ
คำอธิบายกฎหมายอาญาภาคทั่วไป
เฉลิมวุฒิ สาระกิจ
www.mebmarket.com
กฎหมายอาญาเบื้องต้น คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาคทั่วไป อ่านเข้าใจง่าย ใช้เวลาไม่นานในการอ่านก็เข้าใจกฎหมายอาญาได้
ถาม-ตอบ กฎหมายอาญาภาคทั่วไป
เฉลิมวุฒิ สาระกิจ
www.mebmarket.com
หนังสือถาม-ตอบ กฎหมายอาญาภาคทั่วไปจัดทำขึ้นมาโดยประสงค์จะให้นิสิต นักศึกษา รวมถึงผู้ที่สนใจกฎหมายอาญาภาคทั่วไปได้ทบทวนความรู้เกี่ยวกับกฎหมายอาญาภาคทั่วไป ซึ่งคำถามทั้งหมดครอบคลุมเนื้อหากฎหมายอาญาภาคทั่วไป ผู้เขียนตั้งใจเขียนให้อ่านเข้าใจง่าย เป็นการตั้งคำถามและอธิบายหลักการตามกฎหมาย รวมถึงมีการยกตัวอย่างเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนกฎหมายอาญา
|
|