บทที่ 7
ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล
ความผิดอาญาทุกฐานความผิด
ไม่ว่าจะเป็นความผิดในประมวลกฎหมายอาญา หรือกฎหมายอาญาอื่น
ต้องมีองค์ประกอบความผิด (Element of Crime) เสมอ เพราะบุคคลจะมีความรับผิดทางอาญาได้นั้นต้องมีการกระทำครบองค์ประกอบความผิดในแต่ละฐานนั้น
โดยพิจารณาองค์ประกอบความผิดตามโครงสร้างความรับผิดทางอาญาดังต่อไปนี้
1)
การกระทำ
2)
การกระทำครบองค์ประกอบความผิด
3)
ผลของการกระทำมีความสัมพันธ์กับการกระทำ (causation)
เมื่อได้พิจารณาผ่านทั้ง 3 ส่วนนี้แล้วถือว่า
ผ่านโครงสร้างความรับผิดทางอาญาโครงสร้างที่ 1
ซึ่งจะพิจารณาในโครงสร้างที่ 2 ต่อไป การพิจารณาในส่วนที่ 3 ต้องผ่านครบองค์ประกอบความผิดทั้งภายนอกและภายในแล้ว
จึงจะมาพิจารณาว่าผลกับการกระทำสัมพันธ์กันหรือไม่[1]
1. ความสำคัญของหลักความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล
บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาได้ต่อเมื่อเขาได้กระทำอันเป็นความผิดกฎหมาย
หากเขาไม่ได้กระทำหรือไม่ได้เป็นผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น
เขาก็ไม่ต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้นนั้น ดังนั้นผลที่เกิดขึ้นต้องมีความสัมพันธ์กับการกระทำของผู้กระทำด้วย
เช่น นายแดงใช้ปืนยิงนายดำ นายดำได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา
แม้นายดำจะไม่ได้ตายทันที แต่ความตายก็เป็นผลมากการกระทำของนายแดง
ดังนั้นผลและการกระทำจึงมีความสัมพันธ์กัน นายแดงก็ต้องรับผิดในความตายของนายดำ
ซึ่งหลักในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล
ตำรากฎหมายที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษใช้คำว่า “causation”[2]
เป็นเนื้อหาบางส่วนที่นำมาจากหนังสือคำอธิบายกฎหมายอาญาภาคทั่วไป หากต้องการอ่านทั้งหมดสามารถซื้อได้ตามลิ้งด้านล่างครับ
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น